Google
 
Banner-468x60 Banner-468x60

Saturday, September 17, 2011

วิธีลบโปรแกรมที่ค้างอยู่ใน Add/Remove Programs

การลบโปรแกรมต่างๆอย่างไม่ให้มีปัญหา โปรแกรมที่ทำงานกับ windows ส่วนมากจะมี option uninstall มาให้อยู่แล้วครับเพื่อถอดโปรแกรมออก ให้เลือก uninstall อันนี้ครับ อย่าลบเอง หรือถ้าหาไม่เจอก็ไปที่นี่ครับ start - > settings - > control panel - > Add/Remove Programs แล้วเลือกรายชื่อโปรแกรมที่ต้องการลบครับ ถ้าคุณไม่ได้ลบโดยเข้าไปที่ Add/Remove Program(หรือถ้าลบแล้วมีปัญหา) รายชื่อโปรแกรมที่ลบไปยังอาจจะอยู่ในไดอะล็อก Add/Remove Programs

ให้ปฎิบัติดังนี้

เรียกโปรแกรม regedit โดย start - > run
พิมพ์ regedit ครับ แล้ว ok เลือกตามต่อไปนี้
HKEY_LOCAL_MACHINE\SOFTWARE\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Uninstall
แล้วหา ชื่อโปรแกรมที่มีปัญหาแล้วลบทิ้งไปครับ

ความแตกต่างระหว่าง Virus, Worm, Spyware

Virus = แพร่เชื้อไปติดไฟล์อื่นๆในคอมพิวเตอร์โดยการแนบตัวมันเองเข้าไป มันไม่สามารถส่งตัวเองไปยังคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆได้ต้องอาศัยไฟล์พาหะ สิ่งที่มันทำคือสร้างความเสียหายให้กับไฟล์


Worm = คัดลอกตัวเองและสามารถส่งตัวเองไปยังคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆได้อย่างอิสระ โดยอาศัยอีเมลล์หรือช่องโหว่ของระบบปฏิบัติการ มักจะไม่แพร่เชื่อไปติดไฟล์อื่น สิ่งที่มันทำคือมักจะสร้างความเสียหายให้กับระบบเครือข่าย


Trojan = ไม่แพร่เชื้อไปติดไฟล์อื่นๆ ไม่สามารถส่งตัวเองไปยังคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆได้ ต้องอาศัยการหลอกคนใช้ให้ดาวโหลดเอาไปใส่เครื่องเองหรือด้วยวิธีอื่นๆ สิ่งที่มันทำคือเปิดโอกาสให้ผู้ไม่ประสงค์ดีเข้ามาควบคุมเครื่องที่ติดเชื้อจากระยะไกล ซึ่งจะทำอะไรก็ได้ และโทรจันยังมีอีกหลายชนิด


Spyware = ไม่แพร่เชื้อไปติดไฟล์อื่นๆ ไม่สามารถส่งตัวเองไปยังคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆได้ ต้องอาศัยการหลอกคนใช้ให้ดาวโหลดเอาไปใส่เครื่องเองหรืออาศัยช่องโหว่ของ web browser ในการติดตั้งตัวเองลงในเครื่องเหยื่อ สิ่งที่มันทำคือรบกวนและละเมิดความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ :-)

Hybrid malware/Blended Threats = คือ malware ที่รวมความสามารถของ virus, worm, trojan, spyware เข้าไว้ด้วยกัน


Phishing = เป็นเทคนิคการทำ social engineer โดยใช้อีเมลล์เพื่อหลอกให้เหยื่อเปิดเผยข้อมูลการทำธุรกรรมทางการเงินบนอินเตอร์เน็ตเช่น บัตรเครดิตหรือพวก online bank account


Zombie Network = เครื่องคอมพิวเตอร์จำนวนมากๆ จากทั่วโลกที่ตกเป็นเหยื่อของ worm, trojan และ malware อย่างอื่น (compromised machine) ซึ่งจะถูก attacker/hacker ใช้เป็นฐานปฏิบัติการในการส่ง spam mail, phishing, DoS หรือเอาไว้เก็บไฟล์หรือซอฟแวร์ที่ผิดกฎหมาย


Malware ย่อมาจาก Malicious Software หมายถึงโปรแกรมคอมพิวเตอร์ทุกชนิดที่มีจุดประสงค์ร้ายต่อคอมพิวเตอร์และเครือข่าย หรือเป็นคำที่ใช้เรียกโปรแกรมที่มีจุดประสงค์ร้ายต่อระบบคอมพิวเตอร์ทุกชนิดแบบรวมๆ โปรแกรมพวกนี้ก็เช่น virus, worm, trojan, spyware, keylogger, hack tool, dialer, phishing, toolbar, BHO, etc

แต่เนื่องจาก virus คือ malware ชนิดแรกที่เกิดขึ้นบนโลกนี้และอยู่มานาน ดังนั้นโดยทั่วไปตามข่าวหรือบทความต่างๆที่ไม่เน้นไปในทางวิชาการมากเกินไป หรือเพื่อความง่าย ก็จะใช้คำว่า virus แทนคำว่า malware แต่ถ้าจะคิดถึงความจริงแล้วมันไม่ถูกต้อง malware แต่ละชนิดไม่เหมือนกัน

คำว่าไวรัส (virus) ในปัจจุบันนี้ถูกใช้แบบไม่ค่อยจะถูกต้องตรงกับความเป็นจริงเท่าไหร่ อาจจะเป็นเพราะความเคยชินหรืออะไรก็ตามแต่ (ผมเองก็เป็น) มันกลายเป็นว่าคนส่วนใหญ่ใช้คำว่า virus แทน worm, trojan, adware, spyware, malicious code, etc. ใช้เรียกแทนยังไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าเข้าใจว่า virus คือ malicious software ทั้งหมดที่บอกไปนั่น อันนี้เป็นความเข้าใจที่ผิด แม้กระทั่งในร่างกฎหมายอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ก็ยังมีการเสนอขอให้แก้ไขคำว่า virus โดยเปลี่ยนไปใช้คำว่า malware แทน เพราะถ้าไม่งั้นแล้วคนที่ใช้ worm, trojan โจมตีคนอื่นอาจจะไม่มีความผิด เพราะ worm, trojan ไม่ใช่ virus

ที่ถูกต้องใช้คำว่ามาลแวร์ ซึ่งมาจากคำในภาษาอังกฤษว่า malware (malicious software) อันหมายถึง โปรแกรมคอมพิวเตอร์ทั้งหมดที่ถูกออกแบบมาให้มีจุดประสงค์ร้ายต่อระบบคอมพิวเตอร์และเครือข่าย โปรแกรมเหล่านี้ก็เช่น classic virus, worm, trojan, adware, spyware, toolbar, BHO, hijacker, downloader, phishing, exploit malware รวมไปถึง zero-day attack, zombie network และอื่นๆ

ความแตกต่างระหว่าง ไวรัส worm spyware trojan malware : http://www.pantip.com/tech/software/topic/SV1631943/SV1631943.html

ITW malware ใน the wildlist (แม้กระทั่งใน supplemental list) มากกว่า 90% เป็น worm (hybrid worm) ครับ ไม่ใช่ virus (classic virus) ก็ตามที่ความคิดเห็นที่ 2 บอกนั่นล่ะครับ classic virus โดยเฉพาะแบบ file infector ที่แนบตัวมันเองเข้าไปยังส่วนต่างๆของไฟล์อื่น (host file) และ boot sector virus มันแทบจะหมดยุคไปแล้ว (อาจจะมีพวก proof-of-concept virus บ้าง) ที่ยังพบเห็นอยู่ใน the wildlist ส่วนใหญ่จะเป็น macro virus (ซึ่งเป็น virus บน PC ในยุคท้ายๆ) ซึ่งยังพบเห็นการแพร่ระบาดอยู่บ้าง และ virus ที่ชื่อ VBS/Redlof คือตัวอย่างของ classic virus ที่ยังพอพบเห็นได้ทั่วไป

Malware ที่พบเห็นการแพร่ระบาดทั่วไปและเหมือนจะสร้างความเสียหายให้กับระบบเศรษฐกิจมากที่สุดก็คือ worm และ worm ก็ยังแบ่งออกเป็นชนิดแยกย่อยได้ดังต่อไปนี้

- Email Worm เช่น mass-mailing worm ที่ค้นหารายชื่ออีเมลล์ในเครื่องที่ตกเป็นเหยื่อแล้วก็ส่งตัวเองไปหาอีเมลล์เหล่านั้น
- File-sharing Networks Worm คัดลอกตัวเองไปไว้ในโฟลเดอร์ที่ขึ้นค้นหรือประกอบด้วยคำว่าด้วย sha และแชร์โฟลเดอร์ของโปรแกรม P2P เช่น KaZaa
- Internet Worm, Network Worm โจมตีช่องโหว่ของโปรแกรมและระบบปฎิบัติการเช่นเวิร์ม Blaster, Sasser ที่เรารู้จักกันดี
- IRC Worm ส่งตัวเองจากเครื่องที่ตกเป็นเหยื่อไปหาคนที่อยู่ในห้องสนทนาเดียวกัน
- Instant Messaging Worm ส่งตัวเองจากเครื่องที่ตกเป็นเหยื่อไปหาคนที่อยู่ใน contact list ผ่านทางโปรแกรม IM เช่น MSN, ICQ

Trojan เป็น malware อีกชนิดที่พบเห็นการแพร่ระบาดได้ทั่วไป trojan ยังแบ่งออกได้เป็นหลายชนิดดังนี้

- Remote Access Trojan (RAT) หรือ Backdoor ที่เปิดช่องทางให้ผู้ไม่ประสงค์ดีสามารถเข้ามาควบคุมหรือทำอะไรก็ได้บนเครื่องที่ตกเป็นเหยื่อในแบบระยะไกล
- Data Sending/Password Sending Trojan โขมยรหัสผ่านแล้วส่งไปให้ผู้ไม่ประสงค์ดี
- Keylogger Trojan ดักจับทุกข้อความที่พิมพ์ผ่านแป้นพิมพ์
- Destructive Trojan ลบไฟล์บนเครื่องที่ตกเป็นเหยื่อ
- Denial of Service (DoS) Attack Trojan ใช้ทำ DDoS เพื่อโจมตีระบบอื่น
- Proxy Trojan เปลี่ยนเครื่องที่ตกเป็นเหยื่อให้กลายเป็น proxy server หรือ web server, mail server เพื่อสร้าง zombie network
- FTP Trojan เปลี่ยนเครื่องที่ตกเป็นเหยื่อให้กลายเป็น FTP server
- Security software Killer Trojan ฆ่า process หรือลบโปรแกรมป้องกันไวรัส/โทรจัน/ไฟล์วอลบนเครื่องที่ตกเป็นเหยื่อ
- Trojan Downloader ดาวน์โหลด adware, spyware, worm เอามาติดตั้งบนเครื่องเหยื่อ

และ malware ที่พบเห็นได้ง่ายทั่วไปในปัจจุบันและสร้างความรำคาญให้มากที่สุดก็คือ spyware (บางตำราอาจใช้คำว่า grayware) ซึ่งแบ่งออกได้เป็นหลายชนิด (ซึ่งบางส่วนก็มีพฤติกรรมคล้ายๆ trojan ด้วย) เช่น

- Adware ดาวน์โหลดและแสดงแบนเนอร์โฆษณา
- Dialer อยู่ตามเว็บโป๊เพื่อใช้ต่อโทรศัพท์ทางไกลไปต่างประเทศ
- Spyware เก็บรวมรวมพฤติกรรมการใช้อินเตอร์เน็ตบนเครื่องเหยื่อ
- Hijacker เปลี่ยนแปลง start page, bookmark บนบราวเซอร์เช่นใน IE
- Trojan like เช่น trojan downlaoder ดาวน์โหลด spyware หรือแบนเนอร์โฆษณา
- BHO (Browser Helper Objects) ยัดเยียดฟังก์ชั่นที่ไม่พึงประสงค์บนบราวเซอร์เช่นใน IE
- Toolbar ยัดเยียด toolbar ที่ไม่พึงประสงค์บนบราวเซอร์เช่นใน IE

และต่อไปนี้คือ trend ใหม่ของ malware บน PC ที่เกิดขึ้นแล้วในปัจจุบันและกำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ ซึ่งแต่เดิมนักเขียนไวรัสยุคโบราณเขียนไวรัสขึ้นเพราะความสนุก แต่ attacker ในปัจจุบันเขียน malware เพื่อเงินกันแล้ว มีการซื้อขายแลกเปลี่ยน zombie กันด้วยเช่น zombie จำนวน 5,000 เครื่องขาย 500 เหรีญอะไรแบบนี้

Hybrid malware/Blended Threat คือ malware ที่รวมความสามารถของ virus, worm, trojan, spyware เข้าไว้ด้วยกัน

Zero-day attack ในที่นี้หมายถึง การโจมตีของมาลแวร์/แฮคเกอร์ โดยการใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ (vulnerability) ที่มีอยู่ในซอฟแวร์หรือระบบปฎิบัติการซึ่งไม่มีใครรู้มาก่อนว่ามีช่องโหว่นั้นอยู่ หรือรู้แล้วแต่ยังไม่มี patch สำหรับอุดช่องโหว่ หรือยังไม่มี signature ของโปรแกรมด้าน security สำหรับตรวจหาการโจมตีที่ว่าในเวลานั้น

Zombie Network คือ เครื่องคอมพิวเตอร์จำนวนมากๆ จากทั่วโลกที่ตกเป็นเหยื่อของ worm, trojan และ malware อย่างอื่น (compromised machine) ซึ่งจะถูก attacker/hacker ใช้เป็นฐานปฏิบัติการในการส่ง spam mail, phishing, DoS หรือเอาไว้เก็บไฟล์หรือซอฟแวร์ที่ผิดกฎหมาย

จะเห็นได้ว่า worm, trojan, spyware (grayware) ซึ่งพบเห็นการแพร่ระบาดทั่วไปในปัจจุบันนี้มันไม่ใช่ virus และโปรแกรมป้องกันไวรัสทั่วไปส่วนใหญ่ก็ไม่สามารถป้องกัน malware พวกนี้ได้ทั้งหมดด้วย โปรแกรมป้องกันไวรัสทั่วไปให้ผลดีแทบจะ 100% กับ ITW malware แต่กับมาลแวร์อื่นๆแล้วมันยังไม่มีมาตรฐานอะไรมาทดสอบโปรแกรมป้องกันไวรัส ดังนั้นแค่โปรแกรมป้องกันไวรัส (จริงๆแล้วน่าจะเรียกว่าโปรแกรมป้องกันมาลแวร์มากกว่า) แค่อย่างเดียวไม่สามารถป้องกันมาลแวร์ที่กล่าวมาได้ทั้งหมด

แต่มีโปรแกรมป้องกันไวรัสอยู่ยี่ห้อหนึ่งซึ่งเน้นการตรวจหามาลแวร์ทุกๆอย่างที่กล่าวมาแบบเอาจริงเอาจัง แบบเอาเป็นเอาตาย (ไม่มาลแวร์ก็เครื่องของเราได้ตายกันไปข้างหนึ่ง) โปรแกรมนั้นคือ Kaspersky Anti-Virus (KAV) อันนี้ผมไม่ได้ค่าโฆษณา ผมไม่ได้ขาย KAV และไม่ได้ชี้นำใครนะครับ แต่บอกจากความรู้และประสบการณ์ที่ผมมี แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าโปรแกรมอื่นๆ ไม่ดีนะครับ ก็อย่างที่บอกคือ โปรแกรมป้องกันไวรัสแทบจะทุกยี่ห้อสามารถป้องกันกลุ่มมาลแวร์ที่สำคัญที่สุด ที่พวกเรามีโอกาสพบเจอมากที่สุด อันตรายที่สุด ที่เรียกว่า ITW malware ได้แบบ 100% หากเราอัพเดทมันทันเวลาและใช้มันอย่างถูกต้อง ส่วนมาลแวร์อื่นๆที่เหลือเราก็ใช้โปรแกรมเฉพาะทางอื่นๆ ช่วย เช่น โปรแกรมป้องกันโทรจัน โปรแกรมป้องกันสปายแวร์ ไฟล์วอล และอื่นๆ


สาเหตุหลักๆ ที่ทำให้คอมพิวเตอร์ติด malware (virus, worm, trojan, spyware, etc)

1. ทางอีเมลล์ โดยเฉพาะการดูดอีเมลล์จาก pop3 server ด้วยโปรแกรมอย่าง Outlook Express ส่วนใหญ่จะเป็นพวกหนอนอินเตอร์เน็ตประเภท

mass-mailing worm เช่น Netsky, Beagle, Mydoom

2. จากช่องโหว่ (vulnerability) ของระบบปฏิบัติการหรือของโปรแกรม โดย network worm, mass-mailing worm ที่โจมตีช่องโหว่ของ Windows เช่น Blaster, Sasser, Bobax ซึ่งต่อไปอาจจะเป็นกรณีของ zero-day attack

3. จากการเข้าไปในเว็บที่มี malicious script/malware ซ่อนอยู่ก็อย่างเว็บโป๊ เว็บ crack ทั้งหลาย เช่นพวก dialer, trojan downloader,

spyware, browser hijacker

4. จากการเข้าไปในเว็บธรรมดาที่ติดไวรัสเช่น VBS/Redlof

5. จากการเคลื่อนย้ายไฟล์จากเครื่องหนึ่งไปยังอีกเครื่องหนึ่งผ่านทางแผ่นดิสก์เช่น macro virus ที่อยู่ในไฟล์ของ MS Office

6. การดาวโหลดไฟล์จากเครือข่าย P2P อย่างเช่น KaZaA เช่น P2P worm และโทรจันทั้งหลาย

7. จากการดาวโหลดไฟล์จากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถืออย่างเช่นเว็บ crack, warez ส่วนใหญ่จะเป็นพวก private/modified trojan

8. จากการเล่นหรือรับไฟล์จากโปรแกรมประเภท Instant Message เช่น MSN, ICQ

9. จากการเล่นโปรแกรมประเภท IRC เช่น Pirch98 เช่น IRC Worm และอื่นๆ ที่ยังนึกไม่ออกตอนนี้

เรามาดูความหมายของชื่อไวรัสกันครับ

เพื่อนๆคงจะเห็นรายชื่ออัพเดทไวรัสตรงหน้าเว็บต่างๆเป็นประจำ และเคยสงสัยกันบ้างไหมครับ ว่าชื่อของไวรัสที่เห็นทั่วไปนั้นมีความหมายว่าอย่างไร

ส่วนประกอบของชื่อไวรัสนั้นแบ่งได้เป็นส่วนๆ ดังนี้ครับ
Family_Names Group_Name Variant Tail
W32 Mydoom bb @mm



1. ส่วนแรกแสดงชื่อตระกูลของไวรัส (Family_Names)
ส่วนมากแล้วจะตั้งตามที่ไวรัสตัวนั้น ก่อปัญหาขึ้นกับระบบปฏิบัติการอะไร หรือภาษาที่ใช้ในการเขียนของไวรัส ดังตารางนี้

Family_Names ความหมาย

WM ไวรัสที่เป็นมาโครของโปรแกรม Word
W97M ไวรัสที่เป็นมาโครของโปรแกรม Word 97
XM ไวรัสที่เป็นมาโครของโปรแกรม Excel
X97M ไวรัสที่เป็นมาโครของโปรแกรม Excel 97
W95 ไวรัสที่มีผลกระทบกับระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 95
W32/Win32 ไวรัสที่มีผลกระทบกับระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 32 บิต
WNT ไวรัสที่มีผลกระทบกับระบบปฏิบัติการวินโดวส์ NT 32 บิต
I-Worm/Worm หนอนอินเทอร์เน็ต
Trojan/Troj โทรจัน
VBS ไวรัสที่ถูกพัฒนาด้วย Visual Basic Script
AOL โทรจัน America Online
PWSTEAL โทรจันที่มีความสามารถในการขโมยรหัสผ่าน
Java ไวรัสที่ถูกพัฒนาด้วยภาษาจาวา
Linux ไวรัสที่มีผลกระทบกับระบบปฏิบัติการลินุกซ์
Palm ไวรัสที่มีผลกระทบกับระบบปฏิบัติการ Palm OS
Backdoor เปิดช่องให้ผู้บุกรุกเข้าถึงเครื่องได้
HILLW บ่งบอกว่าไวรัสถูกคอมไพล์ด้วยภาษาระดับสูง


2. ส่วนชื่อของไวรัส (Group_Name)
ตัวนี้จะถูกตั้งขึ้นจากชื่อของผู้ที่เขียนไวรัส หรือนามแฝง ที่ใช้แทรกในโค้ดของตัวโปรแกรมไวรัส


3. ส่วนของ Variant
รายละเอียดส่วนนี้จะบอกว่าสายพันธุ์ของไวรัสชนิดนั้นๆ มีการปรับปรุงสายพันธุ์จนมีความสามารถต่างจากสายพันธุ์เดิมที่มีอยู่

Vvariant มี 2 ลักษณะคือ

Major_Variants จะตามหลังส่วนชื่อของไวรัส เพื่อบ่งบอกว่ามีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน เช่น W32.Mydoom.bb@MM (bb เป็น Major_Variant) แตกต่างจาก W32.Mydoom.Q@MM อย่างชัดเจน
Minor_Variants ใช้บ่งบอกในกรณีที่แตกต่างกันนิดหน่อย ในบางครั้ง Minor_Variant เป็นตัวเลขที่บอกขนาดไฟล์ของไวรัส ตัวอย่างเช่น W32.Funlove.4099 หนอนชนิดนี้มีขนาด 4099 KB.


4. ส่วนท้าย (Tail)
เป็นส่วนที่จะบอกว่าวิธีการแพร่กระจาย ประกอบด้วย

@M หรือ @m บอกให้รู้ว่าไวรัสหรือหนอนชนิดนี้เป็น "mailer" ที่จะส่งตัวเองผ่านทางอี-เมล์เมื่อผู้ใช้ส่งอี-เมล์เท่านั้น
@MM หรือ @mm บอกให้รู้ว่าไวรัสหรือหนอนชนิดนี้เป็น "mass-mailer" ที่จะส่งตัวเองผ่านทุกอี-เมล์แอดเดรสที่อยู่ในเมล์บอกซ์


ตัวอย่าง
W32/Mydoom.bb@mm หมายความว่า
ไวรัสชนิดนี้โจมตีในเพลตฟอร์มของวินโดว 32 บิต
ชื่อของไวรัสคือ Mydoom
Variant สายพันธุ์ของตัวนี้คือ bb
และมีความสามารถที่จะส่งตัวเองผ่านทุกอี-เมล์แอดเดรสที่อยู่ในเมล์บอกซ์

10 ลางบอกเหตุฮาร์ดดิสก์ใกล้ตาย

10 ลางบอกเหตุฮาร์ดดิสก์ใกล้ตาย




ประเด็นที่อยากจะเตือนผู้ใช้ก็คือ อย่ามั่นใจเทคโนโลยีมากเกินไป ควรสังเกตกันบ้าง ต่อไปนี้คือ ลางบอกเหตุสำหรับฮาร์ดดิสก์ที่ใกล้ตาย ซึ่งมีอยู่ 10 ข้อด้วยกัน อ่านเรื่องนี้จบแล้วลองพิจารณาดูด้วยนะครับว่า ฮาร์ดดิสก์ที่ใช้อยู่มีอาการตามนี้บ้างหรือไม่

1. เสียงดังติ๊กๆ อย่านึกว่าเป็นเข็มนาฬิกา : ฮาร์ดดิสก์ทุกตัวในโลกนี้ไม่เคยติดตั้งนาฬิกาปลุกไว้ข้างใน และถ้ามันเป็นปกติดีก็ไม่ควรจะมีเสียงดังติ๊กๆ ให้ชวนระทึกขวัญด้วย เสียงดังที่ว่านี้ ถ้าจะให้พิจารณากันอย่างละเอียดคุณต้องเอาหูแนบกับฮาร์ดดิสก์ว่าเสียงมาจากส่วนใด เพราะการวิเคราะห์หาสาเหตุจะทำได้ตรงจุดจริง ๆ ถ้าเสียงมาจากตรงกลางให้สันนิษฐานว่ามาจากชุดขับเคลื่อนมอเตอร์ที่อาจเกิดความผิดพลาดหรือชำรุดขึ้น แต่ถ้าเสียงดังมาจากรอบ ๆ นอกในรัศมีของกล่องฮาร์ดดิสก์ ให้สันนิษฐานว่าปัญหามาจากหัวอ่านติดขัด ซึ่งอาจจะกำลังเคาะกับแผ่นจานอยู่ก็เป็นได้ ตรงนี้อันตรายมากเพราะทำให้ข้อมูลเสียหายได้ทั้งลูกเลย

2. ไฟดับบ่อยๆ ไม่ดีกับฮาร์ดดิสก์ : เครื่องคอมพ์ที่ไม่มี UPS มีโอกาสเสี่ยงที่อุปกรณ์ภายในจะเสียหายเร็วขึ้นถ้าหากมีไฟดับบ่อย ๆ โดยเฉพาะฮาร์ดดิสก์นั้น เวลาที่ไฟฟ้าดับอย่างรวดเร็วหัวอ่านข้างในอาจจะยังไม่กลับสู่บริเวณที่ปลอดภัย หรือบางทีหัวอ่านอาจจะไปกระแทกกับแผ่นจานในช่วงที่ไฟฟ้ากระชากขึ้นมาทันที ซึ่งไม่เป็นผลดีแน่ นอกจากนี้หากไฟตกบ่อย ๆ แล้วดับลงก็ไม่เป็นผลดีเช่นกัน เพราะฮาร์ดดิสก์จะพยายามทำงานตามหน้าที่หากมีกำลังไฟเพียงพอ แต่ถ้าในระหว่างนั้นไฟค่อยๆ ตกลงและดับไป ตำแหน่งของหัวอ่านจะยังไม่กลับที่เดิมแน่ ดังนั้น ควรติดตั้ง UPS ไว้จะปลอดภัยทั้งฮาร์ดดิสก์เองและอุปกรณ์ทั้งหมดด้วยเช่นกัน

3. เครื่องแฮงก์บ่อยๆ : ปัญหาเครื่องคอมพ์ค้างนั้น มีหลายสาเหตุครับ นอกจากซอฟต์แวร์และระบบปฏิบัติการ Error แล้ว อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ก็สามารถทำให้เครื่องค้างหรือหยุดนิ่งไม่ไหวติงได้เช่นกัน หนึ่งในนั้นก็คือ ฮาร์ดดิสก์ นั่นเอง ทำไมฮาร์ดดิสก์ถึงค้างได้ เป็นคำถามที่ตอบได้ไม่ยากครับ อย่างแรกเลยก็คือ กำลังไฟที่จ่ายไม่เพียงพอ ถ้าเครื่องของคุณมีอุปกรณ์ต่อพ่วงมาก มีฮาร์ดดิสก์และไดรฟ์ออปติคอลหลายตัว แต่เพาะเวอร์ซัพพลายใช้ของราคาถูก จ่ายไฟไม่พอ แบบนี้เป็นสาเหตุที่ทำให้ฮร์ดดิสก์ค้างได้เลย และอย่างที่สองมาจากอุปกรณ์ภายฮาร์ดดิสก์ในทำงานผิดพลาด ซึ่งตรงจุดนี้ตัวระบบปฏิบัติการเองสามารถส่งผลต่อเนื่องมายังฮาร์ดดิสก์ได้โดยตรง เพราะยังไงเสียระบบปฏิบัติการก็เก็บอยู่ในฮาร์ดดิสก์นั่นเอง ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับส่วนหนึ่ง ย่อมส่งผลไปยังส่วนที่เหลือได้ไม่ยาก

4. ทำไมมันร้อนเร็วจัง : หลังจากที่คุณเปิดสวิตช์เครื่องคอมพ์ได้ไม่นาน และพบว่าฮาร์ดดิสก์ของคุณมีอุณหภูมิขึ้นสูงอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ แต่ยังคงทำงานต่อไปได้ ให้ตั้งข้อสันนิษฐานถึงความผิดปกติที่พบขึ้นมาทันที อย่าได้นิ่งนอนใจ เพราะฮาร์ดดิสก์จะร้อนขึ้นเมื่อมีการเริ่มเขียน-อ่าน ข้อมูลอย่างจริงๆ จังๆ แค่เปิดเครื่องแล้วอยู่ๆ ก็ร้อนขึ้นขนาดนี้ไม่ดีแน่ครับ อาการที่ว่านี้มาจากอุปกรณ์ภายในโดยตรงที่ส่งความร้อนออกมา มอเตอร์อาจได้รับแรงดันไฟมากเกินไปหรือไม่เสถียรพอจนทำงานผิดพลาด นอกจากนี้หากมีชิ้นส่วนในแผงวงจรเกิดชำรุดเสียหายขึ้นมาก็สามารถแสดงอาการแบบนี้ได้เช่นกัน

5. โปรแกรมค้างบ่อยๆ : สำหรับโปรแกรมที่กำลังพูดถึงนี้ ผมเหมารวมไปถึงระบบปฏิบัติการด้วยนะครับ เวลาที่คุณเปิดโปรแกรมสักตัวขึ้นมาแล้วมันหยุดนิ่งหรือค้างไปเฉยๆ นั้น หนึ่งในข้อสันนิษฐานที่อยากให้ทุกท่านได้ใส่ใจก็คือ ปัญหาที่ว่าอาจมาจากฮาร์ดดิสก์โดยตรง ถ้าฮาร์ดดิสก์ของคุณมีแบดเซกเตอร์ (Bad Sector) กระจัดกระจายอยู่ทั่วทั้งฮาร์ดดิสก์ ผมกล้าฟันธงได้เลยว่าเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้โปรแกรมหรือแม้แต่ระบบปฏิบัติการค้างได้ เป็นสัญญาณเตือนภัยที่คุณสามารถสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนที่สุด

6. ไฟติด แต่ไฟล์ดับ! : ถ้าคุณต่อสายสัญญาณไฟแสดงสถานะของฮาร์ดดิสก์ในเมนบอร์ดถูกต้อง หลอด LED ด้านหน้าเคสต้องแสดงอาการให้เห็นเวลาที่มีการเขียนอ่านข้อมูลเกิดขึ้น หลอดไฟดวงเล็ก ๆ นี้ช่วยให้คุณสังเกตความผิดปกติของฮาร์ดดิสก์ได้เช่นกัน ยกตัวอย่าง ถ้าในระหว่างที่มีการเขียนข้อมูลหรือไฟล์ลงฮาร์ดดิสก์ หลอดไฟย่อมกะพริบอยู่ตลอด แต่หลังจากคุณกลับเข้าไปดูข้อมูลที่เขียนหรือโอนถ่ายลงไปกลับพบว่าทุกอย่างว่างเปล่า ไม่มีอะไรถูกเขียนลงไปในฮาร์ดดิสก์เลย แล้วทำไมหลอดไฟถึงได้กะพริบแบบนั้น ตรงนี้บอกอะไรเราได้บ้าง อย่างแรกเลยคือ เกิดความผิดพลาดในระดับโครงสร้างการจัดเก็บไฟล์ ปัญหาที่ว่านี้อาจมาจากระบบ FAT หรือแม้แต่โครงสร้างพาร์ทิชันเสียหาย ไฟที่กะพริบแสดงถึงการโอนข้อมูลไปยังตำแหน่งของเซกเตอร์ที่ใช้เก็บข้อมูล แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะเขียนลงไปได้สำเร็จจริงๆ ยิ่งถ้าคุณปิดหน้าจอไว้ในระหว่างที่มีการโอนไฟล์ใหญ่ๆ หลอดไฟที่กะพริบอาจทำให้คุณเข้าใจว่าระบบกำลังทำงานอยู่ ตรงนี้ถ้าไม่เปิดดูหน้าจอจะไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น

7. ฮาร์ดดิสก์ตีกลอง : สำหรับอาการที่ว่านี้มีความแตกต่างจากข้อที่ 1 โดยสิ้นเชิง ถ้าคุณได้ยิ้นเสียงรัวกลองดังกึกก้องมาจากฮาร์ดดิสก์ และไม่ยอมหยุดซักที อาการแบบนี้บอกได้อย่างเดียวว่ามันจะขอลาแล้วละครับ เสียงดังที่คล้ายกับการตีกลองนั้นมาจากหัวอ่านไปกระทบกับจานอย่างจัง หรือแม้แต่หัวอ่านเลื่อนหลุดออกจากตำแหน่งล็อก จนไปกระกบกับแผ่นจาน ถ้าเป็นแบบนี้ข้อมูลทั้งหมดในอาร์ดดิสก์อาจได้รับความเสียหายจนถึงขั้นกู้ไม่ได้เลย ดังนั้น ถ้าเสียงกลองเพิ่งเริ่มรัวให้คุณรีบพาฮาร์ดดิสก์ไปซ่อมด่วนเลยนะครับ!

8. สแกนดิสก์ไม่ผ่าน : การตรวจสุขภาพฮาร์ดดิสก์ที่คุณสามารถทำได้ด้วยตัวเองก็คือ สแกนมันให้ทั่วทั้งจาน ไม่ว่าคุณจะใช้บริการจากยูทิลิตีบนวินโดวส์เอง หรือโปรแกรมจากเธิร์ดพาร์ตี้ก็ตาม หากสแกนไม่ตลอดรอดฝั่งแล้วละก็ ให้ตั้งข้อสันนิษฐานได้เลยว่าฮาร์ดดิสก์กำลังมีปัญหาเกิดขึ้น สาเหตุก็มีทั้งโครงสร้าง FAT เสียหาย รวมถึงตารางพาร์ทิชันที่อาจเสียหายด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ หากฮาร์ดดิสก์มีแบดเซกเตอร์ ตรงจุดสำคัญๆ ก็จะส่งผลให้การสแกนฮาร์ดดิสก์ตรงตำแหน่งพื้นที่นั้นๆ ไม่ผ่านด้วยเช่นกัน หรือแม้แต่ค้างนิ่งไปเลยก็มีให้เห็นด้วย

9. สั่งดีแฟรกแต่ไม่ฉลุย : ดีแฟรก หรือการจัดเรียงข้อมูลหรือไฟล์ที่ไม่ต่อเนื่องซึ่งกระจัดกระจายอยู่ทั่วฮาร์ดดิสก์ให้กลับมาเป็นระเบียบเรียบร้อยเหมือนเดิม เป็นวิธีที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพความเร็วให้ก็จริง แต่ถ้าการดีแฟรกไม่ผ่านฉลุยหรือไม่ยอมจบสิ้นซักทีล่ะ ปัญหาจะมาจากไหนได้ นอกจากฮาร์ดดิสก์นั่นเอง ถ้าคุณพบอาการที่ว่านี้ในระหว่างการดีแฟรกฮาร์ดดิสก์นั้น เป็นสัญญาณที่บ่งบอกได้ถึงสุขภาพฮาร์ดดิสก์ของคุณเริ่มไม่ดีแล้ว ความเป็นไปได้ของปัญหามีอยู่สองอย่างครับ อย่างแรกมาจากตัวอุปกรณ์เองที่อาจชำรุดเสียหาย และอย่างที่สองมาจากโครงสร้างพื้นฐานการจัดเก็บข้อมูลเกิดความเสียหายในระดับซอฟต์แวร์ ตรงนี้เราไม่สามารถใช้การดีแฟรกมาช่วยได้นอกจากต้องสร้างพาร์ทิชันและฟอร์แมตโครงสร้าง FAT ขึ้นมาใหม่

10. สร้างพาร์ทิชันไม่ได้ : สัญญาณอันตรายในข้อสุดท้ายนี้ค่อนข้างรุนแรงครับ ถ้าคุณเผอิญกำลังประสบอยู่ละก็ ขอบอกเลยว่าอาจจะต้องทำใจเอาไว้ด้วย ถ้าอาการที่ว่านี้เกิดกับฮาร์ดดิสก์ตัวใหม่แกะกล่องคงไม่ต้องซีเรียสอะไร เพราะยังไงก็เคลมได้ชัวร์ๆ แต่ถ้าเป็นฮาร์ดดิสก์ที่หมดประกันไปแล้วล่ะ สิ่งที่คุณต้องเรียนรู้เวลาที่ไม่สามารถสร้างพาร์ทิชันขึ้นมาได้เลย ไม่ว่าจะใช้โปรแกรมใดๆ ก็ตาม การตีความหมายไม่ควรอยู่ในวงแคบๆ เช่น ฮาร์ดดิสก์พังแน่ ๆ หรือมันเพิ่งหล่นมาใช้ไหมนี่ ปัญหาอาจจะมาจากแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์เสียหาย ซึ่งหากคุณหาอะไหล่ที่เป็นรุ่นเดียวกันมาถอดเปลี่ยนเข้าไปใหม่ ก็สามารถใช้งานฮาร์ดดิสก์ได้แล้ว แต่ถ้าแผ่นจานเสียหายละก็หมดสิทธิ์ทันทีครับ ต้องกินยาทำใจอย่างเดียว

อ่านจบแล้วคงต้องรีบไปตรวจสอบฮาร์ดดิสก์ของคุณดูว่าเข้าข่ายอาการใดหรือไม่ ถ้ามี คงต้องรีบแก้ไขกันด่วนเลยนะครับ

Friday, September 16, 2011

การติดตั้งภาษาไทย หลังการลง Windows

การติดตั้งภาษาไทย หลังการลง Windows


1.เปิด Control Panel เลือก Regional And Language Options



2.ในหน้าต่าง Regional And Language Options คลิกเลือกเมนู Languages


3.คลิกเลือกที่ Install file for complex script and ringht-to left languages [including Thai] หากมีหน้าต่างเด้งให้กด yes หรือ Ok


4.ต่อไป คลิกเลือกที่เมนู Advanced ในช่องแรก เปลี่ยนเป็น Thai ในช่องล่างให้เลือก ที่เป็น Thai ทั้งหมด ( น่าจะมี 3 ช่องเลือกที่เป็น Thai )


5.ต่อไปเลือกที่ Regional Options ทั้งสองช่องให้เปลี่ยนเป็น Thai และ Thailand


6.หลังจากนั้น คลิก Apply หรือ OK ระบบ จะให้ใส่แผ่น Windows Setup ก็ใส่เข้าถาด CD หรือ DVD romรอจนระบบทำการ Copy ไฟล์ที่จำเป็นเรียบร้อย ระบบจะขอรีสตาร์ท เพื่อปรับปรุงระบบใหม่ เมื่อรีสตาร์เสร็จ บูตเครื่องอีกครั้งก็สามารถใช้งาน ภาษาไทยได้แล้วครับ
หากท่านใด มีความประสงค์จะเปลี่ยน ภาษาโดยการใช้ตัวหนอน Grave [~ ] เริ่มที่ ไป Control Panel ดับเบิ้ลคลิกเลือก Regional And Language Options ในหน้าต่าง Regional And Language Options เลือก Languages


7.คลิกเลือกที่ Key Settings


8.คลิกเลือกที่ Change Key Sequence


9.เลือกที่ Switch input languages เป็น Grave Accent [~ ] คลิก OK


หลังจากนี้ ระบบของท่านก็จะสามารถพิมพ์ภาษาไทย และเปลี่ยนภาษาที่ปุ่ม Grave [~ ] ได้แล้วครับ

การติดตั้ง Windows XP Professional และการแบ่งพาทิชั่น HDD

การติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows XP Professional
มาเริ่มกันเลยนะครับ ขั้นตอนนี้เป็นการลง Windows XP Professional






ตั้งค่าใน Bios เพื่อให้บูตจาก CD-Rom ก่อน จากนั้นก็ save แล้วออกจาก Bios เสร็จแล้วเครื่องจะ
บูตจากแผ่นซีดี Windows XP Setup โดยเมื่อบูตเครื่องมา จะเห็นดังรูปให้ เคาะ Enter





โปรแกรมจะทำการตรวจสอบและเช็คข้อมูลอยู่สักพัก



เข้ามาสู่หน้า Welcome to Setup กดปุ่ม Enter เพื่อทำการติดตั้งต่อไป



หน้าของ Licensing Agreement กดปุ่ม F8 เพื่อทำการติดตั้งต่อไป




กดปุ่ม C เพื่อทำการสร้างพาทิชั่นที่ 1




เลือกขนาดของพาทิชั่นที่ 1 ในที่นี้เลือก 50000 แล้วกดปุ่ม ENTER



เลือกพื้นที่ ที่เหลือตามรูป แล้วกดปุ่ม C เพื่อสร้างพาทิชั่นที่ 2



เลือกขนาดของพาทิชั่นที่2 ในที่นี้เลือกทั้งหมดของพื้นที่ ที่เหลือแล้วกดปุ่ม ENTER



ทำการเลือกพาทิชั่นของฮาร์ดดิสก์ที่จะลง Windows XP แล้วกดปุ่ม Enter เพื่อทำการติดตั้งต่อไป







เลือกอันที่ 2 ตามรูป แล้วกดปุ่ม ENTER






หลังจากนั้น โปรแกรมจะทำการ Restart เครื่องใหม่อีกครั้ง (ให้ใส่แผ่นซีดีไว้ในเครื่องแบบนั้น แต่ไม่ต้องกดปุ่มใด ๆ เมื่อบูตเครื่องใหม่ ปล่อยให้โปรแกรมทำงานไปเองได้เลยครับ)




จะมีเมนูของการให้เลือก Regional and Language ให้กดปุ่ม Next ไปเลยครับ ยังไม่ต้องตั้งค่าอะไรในช่วงนี้



ใส่ชื่อและบริษัทของผู้ใช้งาน ใส่เป็นอะไรก็ได้ครับ แล้วกดปุ่ม Next เพื่อทำการติดตั้งต่อไป





ทำการใส่ Product Key



เลือก Time Zone ให้เป็นของไทย (GMT+07:00) Bangkok, Hanoi, Jakarta แล้วกดปุ่ม Next เพื่อทำการติดตั้งต่อไปครับ


เลือกอันแรกแบบใหแจก IP แบบ Automatic ไม่ต้องมา fix IP


ตั้ง WORKGROUP แล้วก็ Domain (สำหรับคนที่มีโดเมนแล้วใช้งานในวงแลนร่วมกัน)



รอสักพัก จนกระทั่งขั้นตอนต่าง ๆ เสร็จเรียบร้อย ก็พร้อมแล้วสำหรับการเข้าสู่ระบบปฏิบัติการ Windows XP ครับ จากนั้น จะมีการบูตเครื่องใหม่อีกครั้ง เพื่อเริ่มต้นการใช้งานจริง ๆ




ในครั้งแรก อาจจะมีการถามเรื่องของขนาดหน้าจอที่ใช้งาน กด OK แล้วรอประมาณ 30 วินาทีไม่ต้องตั้งค่าอะไรทั้งนั้น



เสร็จแล้วครับการลง Windows XP Professional ง่ายๆเลยใช่มั๊ยครับ

credit - gggcomputer.com

Blue Screen of Death คัมภีร์แก้ปัญหาจอฟ้ามรณะ


รู้จักกับ Blue Screen of Death
"จอฟ้ามรณะ" "มฤตยูจอฟ้า" หรือ "จอฟ้าแห่งความตาย" ไม่ว่าใครจะเรียกอะไรก็แล้วแต่ Blue Screen of Death คือสิ่งที่ผู้ใช้พีซีไม่อยากเจอะเจอมากที่สุด เพราะถ้ามันปรากฏขึ้นเมื่อใด ย่อมหมายถึงได้เวลาที่คุณต้องล้างระบบ ติดตั้งวินโดวส์ใหม่กันแล้ว แต่ในความเป็นจริง จอฟ้ามรณะนี่มันน่ากลัวขนาดนั้นเลยหรือ?
Blue Screen of Death คืออะไร?
เชื่อแน่ๆ ว่าผู้ใช้พีซีไม่ว่าจะมือใหม่หรือมือเก๋า น่าจะเจออาการแบบรูปที่ 1 กันบ้าง ไม่มากก็น้อย

แต่ปฏิกิริยาที่เจออาจจะแตกต่างกัน ถ้าเป็นมือเก๋า ก็แค่ร้อง "ว้าเว้ย!!" แล้วก็หาทางแก้กันไป หน้าจอเดียวกันนี้ ถ้าเป็นมือใหม่หัดใช้คอมพ์ อาจถึงกับลนลานรีบต่อสายตรงที่ช่างซ่อมคอมพ์ทันทีเลยทีเดียว แต่ช้าก่อนครับ!!?? ถ้าคุณได้อ่านบทความเรื่องนี้ อาจช่วยลดอาการลนลานได้บ้าง และถ้าคุณร้าสาเหตุที่มาที่ไปของอาการนี้คุณอาจช่วยเหลือตัวเองได้บ้างโดยไม่ต้องง้อช่างเลย
ทีนี้มาถึงคำตอบของคำถามที่ผมตั้งเป็นหัวข้อไว้ Blue Screen of Death ( ต่อไปขอย่อว่า BOD นะครับ) อธิบายง่ายๆ ก็คือ หน้าจอที่แสดงอาการผิดปกติของวินโดวส์ ซึ่งอาการที่เกิดได้ก็มาจากหลายๆ สาเหตุ ทั้งเกิดจากซอฟต์แวร์ก็ได้ หรือฮาร์ดแวร์ก็ได้ หรือเกิดพร้อมๆ กันเลยก็มี เหตุที่ตั้งชื่อให้มันน่ากลัวขนาดนั้น ก็เพราะถ้าหน้าจอสีฟ้านี้แสดงขึ้นมา มันหมายความว่าอาการผิดปกติที่เกิดขึ้น ค่อนข้างหนักหนาจนวินโดวส์ไม่สามารถทำงานต่อไปได้ นอกจากรีเซ็ตเครื่องเพียงอย่างเดียว

ในบางกรณี การรีเซ็ตเครื่องหลังจากขึ้นบลูสกรีน ก็สามารถใช้งานเครื่องพีซีต่อได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าปัญหาจะหมดไป วันดีคืนดี หน้าจอมรณะก็อาจจะกลับมาหลอกหลอนได้อีก เพราะสาเหตุของปัญหายังไม่ได้ถูกขจัด ถามว่าทำไมบลูสกรีนอยู่ๆ ก็เกิดขึ้นมาได้อย่างไร ทั้งๆทีใช้งานมาตั้งนานยังไม่เคยมีปัญหาแบบนี้? คำตอบของปัญหานี้จะไปโทษระบบปฏิบัติการเพียงอย่างเดียวก็คงจะไม่ได้ อย่างที่รู้กันอยู่แล้วว่าการทำงานของเครื่องพีซีต้องประกอบไปด้วยฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์เป็นหลัก ฮาร์ดแวร์ถ้าไม่ซอฟต์แวร์ควบคุมจัดการก็ไม่ต่างอะไรกับเศษเหล็ก ในทางกลับกันถ้าซอฟต์แวร์ไม่มีอะไรให้จัดการก็ไม่ต่างอะไรจากโค้ดดิ้งไร้สาระหลายหมื่นบรรทัด และในเมื่อทั้งสองอย่างต้องทำงานร่วมกัน ความเข้ากันได้จึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
มาถึงตรงนี้อาจจะเป็นคำตอบของคำถามที่ว่า ทำไมหน้าจอมรณะถึงพบบ่อยได้นักในระบบปฏิบัติการ วินโดวส์ทุกยุค ทุกสมัย นั่นก็เพราะ วินโดวส์เป็นระบบปฏิบัติการที่จำเป็นต้องออกแบบให้ใช้กับเครื่องพีซีและอุปกรณ์ รอบข้างให้ได้หลากหลายที่สุดเท่าที่จะทำได้ แตกต่างจากระบบยูนิกซ์หรือ แมคโอเอส ที่ออกแบบมาเพื่อเครื่องยูนิกซ์หรือแอปเปิ้ลเพียงอย่างเดียว ลองนึกดูง่ายๆ แค่เมนบอร์ดที่ใช้กับเครื่องพีซีก็มีกี่ยี่ห้อ กี่รุ่น เข้าไปแล้ว ยังไม่นับกราฟิกการ์ด ซาวด์การ์ด โมเด็ม ฯลฯ และอีกสารพัดอุปกรณ์ที่ต้องนำมาเชื่อมต่อ ซึ่งอุปกรณ์ต่างๆ เหล่านี้ถ้าเกิดปัญหาเรื่องความไม่เข้ากันเมื่อไหร่จอฟ้ามรณะก็บังเกิดขึ้นครับ
ความจริงวินโดวส์เองก็มีข้อบังคับเรื่องของฮาร์ดแวร์คอมแพตทิเบิลอยู่ รายระเอียดของเรื่องนี้อยู่ที่ http://www.microsoft.com/resources/documentation/windows/xp/all/proddocs/en-us/hsc_compat_overview.mspx ซึ่งอุปกรณ์แต่ละชิ้นถ้าผ่านการรับรองจากไมโครซอฟต์แล้ว จะมีโลโก้แสดงว่าวินโดวส์ คอมแพตทิเบิลอยู่ แต่สมัยนี้อุปกรณ์ใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย บางตัวก็ติดโลโก้วินโดวส์คอมแพตทิเบิลมาด้วย แต่ผู้ใช้ก็ไม่มีทางรู้ว่าจริงหรือไม่ ยังไม่นับซอฟต์แวร์ต่างๆ ที่ร้อยพ่อพันแม่พัฒนากันออกมา ดังนั้นในความเป็นจริง ผู้ใช้จึงไม่สามารถใช้อุปกรณ์ที่เป็นคอมแพตทิเบิลร่วมกันได้ทั้งหมดได้
ที่เล่ามาทั้งหมด ขอออกตัวว่าผมไม่ได้แก้ต่างให้ไมโครซอฟท์แต่อย่างใด แค่อยากจะชี้ให้เห็นถึงสาเหตุของปัญหาบลูสกรีนที่สามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่จำเป็นต้องบอกล่วงหน้า ตราบใดที่เรายังใช้วินโดวส์ที่ยังคงรันอยู่พีซีที่ภายในมีอุปกรณ์ติดตั้งไม่ซ้ำยี่ห้อกันเลยแม้แต่ยี่ห้อเดียว

ในวินโดวส์ NT, 2000 และ XP นั้น BOD ที่เกิดขึ้น มักเกิดมาจากเคอร์แนลหรือไดรเวอร์ ที่เกิดทำงานผิดพลาดโดยที่ไม่สามารถจะคืนสภาพการทำงานให้กลับมาเหมือนเดิมได้ เช่น ไดรเวอร์ส่งค่าบางอย่างที่ไม่ถูกต้องไปยังกระบวนการอื่นๆ ทำให่ตัวระบบปฏิบัติการทำงานผิดพลาด วิธีเดียวที่ผู้ใช้จะแก้ไขได้ คือ รีบูตเครื่องคอมพิวเตอร์
ซึ่งนั่นหมายความว่า ข้อมูลหรืองานที่คุณกำลังทำอยู่มีโอกาสที่จะหายไปด้วยเพราะวินโดวส์ไม่ได้ถูกสั่งปิดแบบปกติ
การพิจารณาแก้ปัญหา BOD ดูได้จากข้อความที่แสดงและเออเรอร์โค้ด บางปัญหาวินโดวส์จะแสดงข้อความที่เป็นสาเหตุอย่างชัดเจน แต่บางปัญหาก็ไม่สามารถอาศัยข้อความที่แสดงเพียงอย่างเดียว ต้องนำเอาเออเรอร์โค้ดมาร่วมพิจารณาด้วย ตำแหน่งของข้อความและเออเรอร์โค้ด

Error : IRQL_NOT_LESS_OR_EQUAL (Error Code : Stop 0x0000000A)
ความหมายของ 0xA นั้นหมายความว่า Kernel-mode process หรือไดรเวอร์นั้นไม่สามารถจะเข้าถึงเมโมรีที่จองไว้ได้ อาจเนื่องจากไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าถึง หรือค่าที่เคอร์แนลส่งระดับ IRQL นั้นอยู่สูงเกินไป แต่ Kernel-mode process ที่มีค่า IRQL ต่ำกว่าสามารถเข้าถึงหน่วยความจำนั้นได้ โดยส่วนมาก Stop Message นี้มักจะมาจากการที่ไม่คอมแพตทิเบิลของฮาร์ดแวร์หรือซอฟท์แวร์ที่อยู่ในเครื่องนั่นเอง
สาเหตุและหนทางแก้ปัญหาที่อาจเป็นไปได้
สาเหตุนี้อาจเกิดหลังการติดตั้ง device driver, system sevice หรือ Firmware ที่เสียหายหรือไม่สมบูรณ์ หาก Stop Message นั้นแสดงชื่อไดรเวอร์ที่ผิดพลาดมาด้วยให้แก้ไขโดยการยกเลิก หรือ rollback กลับไปใช้ ไดรเวอร์ที่สมบูรณ์ หรือหากยังแก้ไขไม่ได้ อาจจะเป็นที่ไฟล์ที่ใช้ในการติดตั้งไดรเวอร์เกิดเสียหาย เพราะไวรัสก็ได้ ต้องตรวจสอบจุดนี้ด้วย
ข้อผิดพลาดอาจเกิดจากตัวฮาร์ดแวร์ก็ได้ หากเออเรอร์นี้แจ้งประเภทของ Device มา ยกตัวอย่างเช่น กราฟิกการ์ดหรือไดรฟ์ ก็ให้ลองปลดหรือเปลี่ยนอุปกรณ์ที่Error Message แจ้งมาอาจจะช่วยแก้ปัญหาได้
หากปัญหานี้เกิดมาในช่วงที่คุณกำลังติดตั้งเซอร์วิสแพ็ค ของวินโดวส์ สาเหตุอาจ
จะมาจากการที่ไม่คอมแพตทิเบิลกันของไดรเวอร์หรือ System Service ที่ได้ติดตั้งไว้ให้ลองถอน Third-party Device ก่อนการติดตั้งเซอร์วิสแพ็ค และเมื่อหลังจากติดตั้งสำเร็จแล้วให้ลองติดต่อไปยังโรงงานผู้ผลิต เพื่อสอบถามหาไดรเวอร์ที่เข้ากันได้อีกที

Error : KMODE_EXCEPTION_NOT_HANDLED (Error Code : 0x0000001E)
ค่า 0x1E เป็นเครื่องบ่งบอกว่าวินโดวส์ เอ็กซ์พีตรวจสอบพบชุดคำสั่งที่ไม่ถูกต้อง หรือไม่อาจระบุได้ ปัญหาที่พบจาก 0x1E นั้นใกล้เคียงกับการเกิดขึ้นของ 0xA อาจจะแตกต่างกันเล็กน้อย ที่ ค่า 0xA เกิดจากการใช้งานผิดพลาดที่หน่วยความจำ แต่ เจ้า 0x1E นั้น เป็นการผิดพลาดจากชุดคำสั่ง
สาเหตุและหนทางแก้ปัญหาที่อาจเป็นไปได้
0x1E โดย ส่วนมากจะปรากฏหลังจากติดตั้งไดรเวอร์ หรือ System sevices ที่ผิดพลาด หรือเกิดจากอุปกรณ์ที่ติดตั้งลงไปใหม่นั้นทำให้เกิดการขัดแย้งหรือแย่งกันใช้งานค่าบางอย่าง เช่น หน่วยความจำหรือ IRQ ( memory or IRQ conflicts) ถ้าเออเรอร์นี้ แสดงรายละเอียดของชื่อไดรเวอร์ที่มีปัญหาก็ให้ลองหยุดใช้ หรือ ถอดถอนไดรเวอร์เจ้าตัวที่มีปัญหาออก อาจจะช่วยแก้ปัญหานี้ได้ หรืออาจจะเป็นที่ไฟล์ไดรเวอร์ที่ติดตั้งนั้นเสียหายจากไวรัส เป็นต้น
แต่ถ้าเออเรอร์นั้นได้อ้างถึงไฟล์ชื่อ Win32k.sys อาจจะเกิดจากมีการติดตั้งไฟล์ตัวนี้มาแทนที่จากโปรแกรมอื่นๆ วิธีแก้ก็ลองให้พยายามยกเลิก system service นี้ โดยการสตาร์ทวินโดวส์ใน Safe Mode แต่หากยังแก้ไขไม่ได้ คงต้องใช้งาน Recovery Console เพื่อลบไฟล์ System Service ที่สร้างปัญหานั้นทิ้งปัญหานี้ก็อาจจะเกิดมาจากอัพเดตไบออสที่เข้ากันไม่สมบูรณ์ เช่น ไบออสที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานพลังงาน (ACPI) ให้ลองแก้ไข โดยการกลับไปใช้ไบออสตัวเก่า หรือหาตัวที่สมบูรณ์กว่านี้
อีกสาเหตุหนึ่ง อาจมาจากพื้นที่ฮาร์ดดิสก์ไม่เพียงพอต่อการติดตั้งโปรแกรมวิธีแก้ง่ายๆ เพียงแต่จัดหา หรือบริหารพื้นที่ให้เพียงพอต่อความต้องการใช้งาน เช่น การลบ Temporary File ทิ้ง (พวกไฟล์นามสกุล .tmp) พวก Internet Cache files, หรือ ไฟล์ต่างๆ ที่ไม่ได้ใช้งาน แล้วก็กลับไปติดตั้งโปรแกรม ที่ต้องการต่อได้ หรืออีกสาเหตุหนึ่ง ปัญหานี้อาจจะเกิดจากการที่หน่วยความจำไม่เพียงพอต่อการใช้งาน เนื่องจากโปรแกรมหรือเซอร์วิสบางตัวนำหน่วยความจำไปใช้งาน แล้วไม่ยอมคืนหน่วยความจำกลับมา ให้คุณใช้ยูทิลิตี้ที่ชื่อว่า Poolmon (Poolmon.exe) มาช่วยเหลือ (อยู่ในไดเรกทอรี \Support\Tools\ของแผ่นติดตั้งวินโดวส์ เอ็กซ์พี) เจ้าตัวนี้สามารถช่วยคุณตรวจสอบว่าโปรแกรมตัวไหนนำหน่วยความจำไปใช้ และไม่ยอมคืนบ้าง เมื่อเจอแล้ว คุณอาจต้องถอนการติดตั้งโปรแกรมนั้นเสีย

Error : NTFS_FILE_SYSTEM (Error Code : 0x00000024)
0x24 บ่งบอกถึงปัญที่เกิดขึ้นจากไฟล์ Ntfs.sys ซึ่งเป็นไดรเวอร์ที่ใช้ในการอนุญาตให้ระบบสามารถอ่านและเขียนระบบไฟล์ซิสเต็มส์แบบ NTFS ปัญหานี้จะคล้ายกับโค้ด 0x23 ซึ่งมาจากความผิดพลาดในการอ่านหรือเขียนไฟล์ซิสเต็มส์แบบ FAT16 หรือFAT32
สาเหตุและหนทางแก้ปัญหาที่อาจเป็นไปได้
อาจเกิดจากการทำงานผิดพลาดของฮาร์ดแวร์ SCSI หรือ ATA หรือไดรเวอร์ที่เกี่ยวข้องกับอุปกรณ์จำพวกนี้ ทำให้เกิดความผิดพลาดในการอ่านหรือเขียนข้อมูลสู่ดิสก์ไดรฟ์ จากปัญหานี้ถ้าคุณใช้งานฮาร์ดแบบ SCSI ให้ตรวจสอบที่รายละเอียดในส่วนของสายเชื่อมต่อ หรือจุดเชื่อมต่อต่างๆ และลองตรวจสอบที่ Event Viewer เพื่อตรวจหาข้อผิดพลาดที่อาจจะเกี่ยวข้องกับอุปกรณ์ ดังกล่าว
ตรวจสอบให้แน่ใจว่าระบบที่ใช้ในการตรวจสอบระบบของคุ ณ ไม่ว่าจะเป็นระบบ Anti virus หรือระบบแบ็กอัพที่ใช้งาน ทำงานเข้ากันได้อย่างสมบูรณ์กับ วินโดวส์ เอ็กซ์พี หลังจากนั้นให้ลองตรวจสอบกับอุปกรณ์ที่คุณใช้งาน บางชิ้นนั้นจะให้มากับเครื่องมือที่ใช้ในการตรวจสอบความสมบูรณ์ของมันได้ (Diagnostic Tool) หากไม่มีเครื่องมือจำพวกนี้มาให้ เราก็สามารถตรวจสอบได้จากเครื่องมือของวินโดวส์ที่ให้ซึ่งมี 2 วิธีดังนี้ (ควรทำใน Safe mode)
วิธีที่ 1
1. ในช่อง Run ให้พิมพ์คำว่า "cmd"
2. ให้เริ่มต้นใช้งานเครื่องมือ Chkdsk, และใส่พารามิเตอร์เพื่อตรวจสอบความผิดพลาดของไฟล์โดยพิมพ์คำสั่ง ว่า "chkdsk [drive:] /f" (drive: คือชื่อไดรฟ์ที่คุณต้องการตรวจสอบ เช่น C: D: E: หรือ F: เป็นต้น)
ข้อควรระวัง ถ้าคุณไม่ได้ใช้งานระบบ NTFS ไฟล์ที่มีการตั้งชื่อยาวกว่า 8
ตัว อักษร อาจจะเกิดการสูญหายไปจากฮาร์ดดิสก์ได้ หลังจากการตรวจสอบด้วยวิธีนี้
วิธีที่ 2
1. ดับเบิลคลิ้กที่ My computer และเลือกไปที่ฮาร์ดดิสก์ที่ต้องการจะตรวจเช็ค
2. ที่หัวข้อ "File" บนเมนูบาร์ให้เลือกที่ Properties
3. เลือกแท็บที่เขียนว่า Tools
4. ให้เช็คที่ช่องที่เขียนว่า Error-checking box
5. ในหัวข้อเช็ค Check disk options ให้เลือกที่ Scan for and attempt recovery for and sectors หรือ จะเลือกที่automatically fix file system error ด้วยก็ไม่เสียหายนะครับอีกสาเหตุหนึ่งอาจจะมาจากปัญหา Nonpage pool memory ในหน่วยความนำในระบบหมดสิ้นอย่างสิ้นเชิง สาเหตุนี้สามารถแก้ได้อย่างง่ายได้ โดยใช้เงินในกระเป๋าคุณไปซื้อแรมมาเพิ่มนั่นเอง

Error : DATA_BUS_EROR (Error Code : 0x0000002E)
0x2E บ่งบอกถึงระบบตรวจสอบหน่วยความจำมีความผิดพลาด ซึ่งอาจจะเกิดมาจากความผิดพลาดในหน่วยความจำ เช่น ส่วนของการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล (ECC) หน่วยความจำในที่นี้รวมไปถึงหน่วยความจำหลักบนเมนบอร์ด แคช L2 หรือแม้หน่วยความจำในการ์ดแสดงผล ซึ่งจากสาเหตุที่เกิดขึ้นมาในข้างต้นนั้น ทำให้เกิดกันเข้ากันอย่างไม่สมบูรณ์ หรือความผิดพลาดบางอย่างในตัวอุปกรณ์ หรือดีไวซ์ไดรเวอร์นั้นพยายามจะเข้าถึงหน่วยความจำในตำแหน่งที่มีอยู่จริง ก็ทำให้เกิด BOD ได้ 0x2E ก็สามารถเกิดได้จากความเสียหายของฮาร์ดดิสก์อันเกิดจากไวรัสคอมพิวเตอร์ หรือปัญหาอื่นๆ ได้
สาเหตุและหนทางแก้ปัญหาที่อาจเป็นได้
0x2E โดยทั่วๆ ไปจะเกิดจากการผิดปกติ การทำงานคลาดเคลื่อน หรือการพังของอุปกรณ์หน่วยความจำในระบบ เช่น หน่วยความจำปกติ แคช L2 หรือหน่วยความจำในการ์ดแสดงผล ให้ลองเปลี่ยนอุปกรณ์ที่อาจจะเกิดความเสียหายได้ หรือลองถอดออกในกรณีที่ไม่มีของให้เปลี่ยน แล้วลองหาเครื่องมือที่เอาไว้ ตรวจสอบความถูกต้องของอุปกรณ์ดังกล่าว ( Diagnostics tool) ที่มาจากโรงงานผู้ผลิต เพื่อดูว่ามีส่วนไหนเสียหายหรือไม่ 0x2E สามารถจะเกิดขึ้นหลังจากการที่คุณติดตั้งดีไวซ์ไดรเวอร์ที่มีความเสียหาย ถ้าเออเรอร์นั้นแสดงรายละเอียดของไฟล์หรือชื่อของส่วนที่ทำให้เกิดข้อผิดพลาด ก็ให้แก้ไขด้วยวิธีเดิมๆ ในข้างต้น คือยกเลิกการใช้งาน หรือถอดถอนทิ้งหรือถอยกลับไปใช้ไดรเวอร์ในรุ่นที่ยังใช้งานได้ดีอยู่ และให้ลองเข้าไปดูในเว็บไซต์ของบริษัทผู้ผลิตเพื่อดูรายระเอียดดีไวซ์ไดรเวอร์ที่เข้ากันได้สมบูรณ์กับระบบ
อีกสาเหตุหนึ่งที่ไม่น่าเชื่อ แต่ก็เป็นไปได้ ก็คือเกิดจากคราบสกปรกที่เกาะอยู่ตามผิวของอุปกรณ์ที่เมนบอร์ด ถ้าหากตรวจสอบและทำความสะอาดแล้วยังมีปัญหาอยู่แนะนำให้ส่งเครมครับ

Error : NO_MORE_SYSTEM_PTES (Error Code : Stop 0x0000003F)
0x3F อาจเกิดขึ้นจาก Page Table Entries (PTE) ของระบบเกิดการทำงานผิดพลาด หรือ ไม่ปะติดปะต่อกันเมื่อระบบทำงานประมวลผลชุดคำสั่งที่มีการใช้ตัวเลขจำนวนมากกในการประมวลผล
หรือ อาจเกิดจำดีไวซ์ไดรเวอร์ ที่ติดตั้งนั้นไม่สามารถบริหารหน่วยความจำได้อย่างมีประสิทธิภาพได้
หรือ อาจเกิดจากโปรแกรมบางตัวจัดสรรหน่วยความจำที่เคอร์แนลต้องการใช้งานไม่ถูกต้อง
สาเหตุและหนทางแก้ปัญหาที่อาจเป็นไปได้
0x3F สามารถเกิดขึ้นหลังจากที่คุณติดตั้งไดรเวอร์ที่ไม่สมบูรณ์ ถ้าเออเรอร์นั้นแสดงรายละเอียดของไฟล์หรือชื่อของส่วนที่ทำให้เกิดข้อผิดพลาด ก็ให้แก้ไขด้วยวิธีเดิมๆ ในข้างต้น คือการยกเลิกการใช้งาน หรือกลับไปใช้ไดรเวอร์ตัวเก่า เป็นต้น
จริงๆ แล้ว PTEs นั้นอาจจะเหลืออีกเพียบ แต่เออเรอร์นี้ก็อาจจะเกิดขึ้นได้อีก เพราะว่าขนาดของ contiguous memory block ที่ไดรเวอร์ หรือ หน่วยความจำต้องใช้งานไม่เพียงพอ วิธีแก้ลองอัพเดตไดรเวอร์ตัวใหม่ที่สมบูรณ์ หรือโปรแกรมเวอร์ชันใหม่ๆ และให้ลองตรวจสอบจากเอกสารติดตั้งโปรแกรมดังกล่าวด้วย เกี่ยวกับ Minimum system reqirements ว่าต้องการเท่าใด
อีกสาเหตุที่อาจจะเป็นไปได้ก็น่าจะมาจากการที่มีความต้องการใช้งาน PTEs มากเกินค่าที่กำหนดไว้ วิธีแก้ไขก็ต้องปรับเปลี่ยนให้อยู่ในสภาพแวดล้อมแบบเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งในวินโดวส์ เอ็กซ์พีโปรเฟสชันแนลนั้นมีเครื่องมือที่จะให้เราสามารถขยายค่าของ PTEs ได้ตามต้องการ
ข้อควรระวัง
อย่าแก้ไขค่ารีจิสเตอร์เอง หากคุณไม่มีความรู้เพียงพอ เพราะค่ารีจิสเตอร์นั้นอยู่นอกเหนือการป้องกันขั้นพื้นฐานของระบบ ซึ่งหากแก้ไขผิดพลาดอาจจะทำให้เกิดความเสียหายต่อระบบของท่านได้ ซึ่งรวมถึงการติดตั้งระบบปฏิบัติการใหม่ แต่ถ้าหากจำเป็นต้องแก้ไขจริงๆ แนะนำให้แบ็กอัพรีจิสเตอร์ไว้ก่อนดีกว่านะครับ
ขั้นตอนในการแก้ไขค่า PTEs ในรีจิสทรีทำได้ดังนี้
1. ในช่อง RUN ให้พิมพ์คำว่า "regdit"
2. ใน regedit ให้มองหา sub key ที่มีชื่อว่า HKEY_LOCAL_MACHINE\SYSTEM\CurrentControlSet\Control\Session Manager\Memory Management
3. ดับเบิ้ลคลิกที่ PagedPoolSize และ SystemPages เพื่อดูค่าที่เคยตั้งไว้
4. ถ้าค่าของ PagedPoolSize ไม่เท่ากับศูนย์ ให้ตั้งค่าให้เป็น 0
5. ถ้าค่าของ SystemPages ไม่เท่ากับศูนย์ ให้ใส่ค่า 4000 สำหรับระบบที่มีหน่วยความจำ 128 เมกะไบต์ (หรือน้อยกว่า) และค่า 110000 สำหรับระบบที่มีหน่วยความจำมากกว่า 128 เมกะไบต์ขึ้นไป
6. ปิดโปรแกรมและรีบูตเครื่องใหม่

Error : PAGE_FAULT_IN_NONPAGED_AREA (Error Code : 0x00000050)
0x50 เกิดจากการเรียกใช้ข้อมูลซึ่งมิได้อยู่ในหน่วยความจำ ระบบจะรายงานโค้ดนี้ขึ้นมาเมื่ออ้างถึงค่าบางค่าในเมโมรีแอดเดรสที่ไม่มีอยู่จริง หน่วยความจำในที่นี้รวมไปถึง L2 Cache และ หน่วยความจำในการ์ดแสดงผลด้วย
สาเหตุและหนทางแก้ปัญหาที่อาจเป็นไปได้ถ้าโค้ดนี้เกิดขึ้นมาหลังจากคุณติดตั้งฮาร์ดแวร์ใหม่เข้าไป ให้ถอดหรือเปลี่ยนฮาร์ดแวร์ดังกล่าว ถ้าหากพอจะแก้ไขปัญหานี้ได้ ให้รัน Diagnostic tools เพื่อตรวจสอบความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในบางส่วนของอุปกรณ์
0x50 อาจจะเกิดขึ้นหลังจากคุณได้ติดตั้งดีไวซ์ไดรเวอร์ที่เสียหายลงไปในระบบของคุณ ให้ลองถอดถอนออกจากระบบ หรือกลับไปใช้ไดรเวอร์ตัวที่ไม่ก่อให้เกิดปัญหา
ให้หมั่นอัพเดตไดรเวอร์และซอฟต์แวร์ของอุปกรณ์ที่มีความสำคัญมากๆ เช่น การ์ดแลน การ์ดแสดงผล แต่ถ้าหากว่าอุปกรณ์ดังกล่าวไม่มีรุ่นใหม่เลย ให้ลองใช้ไดรเวอร์รุ่นใหม่ของอุปกรณ์รุ่นที่ใกล้เคียงกัน ยกตัวอย่างเช่น หากคุณมีเครื่องพิมพ์ รุ่น 1100c แล้วทำให้เกิดปัญหา 0x50 ให้ลองหาไดรเวอร์รุ่น 1100A หรือ รุ่น 1000 มาใช้ชั่วคราว อาจจะแก้ปัญหานี้ได้

Error : KERNEL_STACK_INPAGE_ERROR (Error : 0x00000077)
0x77 แสดงถึงข้อมูลซึ่งถูกเรียกใช้จากเวอร์ชวลเมโมรี ไม่สามารถหาพบหรืออ่านไปยังหน่วยความจำได้ หรืออาจจะหมายถึงฮาร์ดิสก์มีความเสียหาย หรือข้อมูลได้ถูกทำลาย หรืออาจจะเป็นไปได้ ที่มีไวรัสอยู่ในระบบ
สาเหตุและหนทางแก้ปัญหาที่อาจเป็นไปได้
0x77 อาจจะเกิดมาจากแบ็ดเซ็กเตอร์ หรือดิสก์คอนโทรลเลอร์มีความผิดพลาด หรือในกรณีที่อาจจะเกิดยากหน่อย คือ ค่า Non page pool หมดสิ้นไปจากระบบเลย ก็อาจทำให้เกิดเออเรอร์นี้ได้ แต่ถ้าจะสืบให้ได้รายละเอียดมากกว่านี่ ให้ดูที่ค่าตัวเลขที่สองและสามของเออเรอร์โค้ดยกตัวอย่างเช่น ถ้าเป็นปัญหาทางด้านความผิดปกติของ I/O เออเรอร์โค้ดหมายเลข0xC0000185 หมายถึงเพจจิงไฟล์นั้นทำงานอยู่บนดิสก์ SCSI ให้ลองตรวจสอบสายเคเบิล และจุดเชื่อมต่อก่อน ถ้าเออเรอ์โค้ดหมายเลข 0xC000009C หรือ 0xC000016A หมายความว่า ไม่พบข้อมูลที่ได้ร้องขอหรือไม่มีอยู่จริง ให้ลองแก้ไขโดยการรีบูตเครื่อง ถ้าคิดว่ามาจากปัญหาเรื่องเกี่ยวกับความเสียหายของดิสก์ให้ลองใช้โปรแกรม " Autochk" เพื่อตรวจสอบ และระบุแบ็ดเซ็กเตอร์ที่เกิดขึ้นบนดิสก์อีกกรณีที่ทำให้เกิด 0x77 อาจมาจากความผิดพลาดหรือเสียหายของหน่วยความจำที่มีอยู่ในระบบ อาทิ หน่วยความจำหลัก , L2 Cache หรือ หน่วยความจำในการ์ดแสดงผล ให้ลองเปลี่ยนอุปกรณ์เหล่านี้ อาจจะแก้ปัญหาได้
หรืออีกสาเหตุหนึ่งอาจเกิดจากคราบสกปรกที่เกาะอยู่ตามผิวของอุปกรณ์บนเมนบอร์ดก็เป็นไปได้เช่นเดียวกัน

Error : MISMATCHED_HAL (Error Code : 0x00000079)
0x79 บ่งบอกถึง hardware abstraction layer (HAL) และชนิดของเคอร์แนล ที่ใช้งานไม่ตรงกัน หรือพูดง่ายๆ ว่าฮาร์ดแวร์ที่วินโดวส์รู้จักไม่ตรงกับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ติดตั้ง โดยส่วนมากเออเรอร์นี้มักจะเกิดมาจากค่า ACPI มีการเปลี่ยนแปลง ยกตัวอย่างเช่น การนำโอเอสที่เป็นแบบ Multi processor มาใช้งานบนเครื่องที่เป็น Single Processor เป็นต้น
สาเหตุและหนทางแก้ปัญหาที่อาจเป็นไปได้
0x79 เกิดจากระบบที่ใช้งานไฟล์ Ntoskrnl.exe หรือ Hal.dll ที่เก่าเกินไป ซึ่งปัญหานี้สามารถแก้ไขได้อย่างง่ายๆ โดยการก๊อบปี้ไฟล์ที่ถูกต้องไปทับไฟล์เดิม ซึ่งไฟล์พวกนี้สามารถหาได้จากแผ่นติดตั้งวินโดวส์เอ็กซ์พีนั่นเอง ยกตัวอย่างเช่น บนระบบซิงกิ้ลโปรเซสเซอร์ไฟล์เคอร์แนลจะชื่อ Ntoskrnl.exe แต่บนระบบมัลติโปรเซสเซอร์ ไฟล์เคอร์แนลใช้ชื่อว่า Ntkrnlmp.exe เป็นต้น
อีกสาเหตุหนึ่งอาจเกิดจากไบออสไม่ได้กำหนดหมายเลข IRQ ให้กับ ACPI ดังนั้นคุณสามารถแก้ไขได้ด้วยตัวเองโดยการกำหนดค่า IRQ ให้เองภายในไบออสภายใต้หัวข้อ ACPI

Error : INACCESSIBLE_BOOT_DEVICE (Error Code : 0x0000007B)
0x7B หมายถึงวินโดวส์ เอ็กซ์พีไม่สามารถเข้าถึงซิสเท็มส์พาร์ทิชัน หรือ บูตโวลุ่ม ในระหว่างเริ่มต้นกระบวนการทำงาน หรืออาจเกิดจากติดตั้งหรือการอัพเกรดไดรเวอร์ของสตอเรจอะแดปเตอร์ผิดรุ่น
พารามิเตอร์ตัวที่สอง ก็มีความสำคัญมากเพราะช่วยขยายความถึง รายละเอียดของเออเรอร์โค้ด 0x7B ยกตัวอย่างเช่น
*0xC000034 หมายถึงดิสก์หรือดิสก์คอนโทรลเลอร์ทำงานล้มเหลว หรือมีการตั้งค่าที่ไม่ถูกต้อง
*0xC000000E หมายถึง Storage-related drivers หรือโปรแกรมบางตัว (ยกตัวอย่าง เช่น tape management software) ไม่คอมแพตทิเบิลกับวินโดวส์ เอ็กซ์พี เป็นต้น
สาเหตุและหนทางแก้ปัญหาที่อาจเป็นไปได้
ถ้าเออเรอร์นี้เกิดหลังจากที่คุณติดตั้งฮาร์ดดิสก์ลูกใหม่ ให้แก้ไขได้โดยการแก้ไขไฟล์ Boot.ini (ปกติจะอยู่ที่ c:\ หรือไดรฟ์อื่นๆ แล้วแต่ว่าวินโดวส์จะติดตั้งไว้ที่ไดรฟ์ใด) และปรับปรุงค่าของ Boot manager เพื่ออนุญาตให้ระบบเริ่มต้นทำงานได้
ให้ตรวจสอบว่าเฟิร์มแวร์ของระบบ ไม่ว่าเป็นของดิสก์คอนโทรลเลอร์ หรือการตั้งค่าไบออสของเมนบอร์ดว่าถูกต้องหรือไม่ หรือในบางกรณีวินโดวส์ เอ็กซ์พีไม่รู้จักอุปกรณ์ดิสก์คอนโทรลเลอร์นั้นๆ ให้ลองหาไดรเวอร์จากผู้ผลิตหรือจากเว็บไซต์เพื่อนำมาติดตั้ง ก็จะสามารถแก้ปัญหานี้ได้

Error : UNEXPECTED_KERNEL_MODE_TRAP (Error Code : Stop 0x0000007F)
0x7F นั้นบ่งบอกถึงปัญหาปัญหาที่เคอร์แนลไม่อนุญาตให้เข้าใช้งาน (bound trap) ซึ่งอาจเกี่ยวพันกับฮาร์ดแวร์ด้วย
สาเหตุและหนทางแก้ปัญหาที่อาจเป็นไปได้
0x7F ส่วนมากมาจากความผิดพลาดหรือล้มเหลวในส่วนของหน่วยความจำหลัก ถ้าคุณได้ติดตั้งอุปกรณ์ใหม่เข้าไป ให้ลองแก้ไขโดยการถอดเปลี่ยนอุปกรณ์ดังกล่าว
การโอเวอร์คล็อกซีพียูก็สามารถทำให้เกิดเออร์เรอร์โค้ด 0x7F หรือหมายเลขอื่นๆ ได้ เนื่องจากความร้อนที่สูงขึ้นอาจทำให้ซีพียูทำงานผิดพลาดได้ หากเกิดปัญหานี้ขึ้นสำหรับเครื่องที่โอเวอร์คล็อกให้ลองลดการโอเวอร์คล็อกกลับมาที่ความเร็วซีพียูเดิม
อีกสาเหตุก็คือ คราบสกปรกที่เกาะอยู่บนเมนบอร์ด ถ้ามีควรทำความสะอาดเสียให้เรียบร้อย

Error : BAD_POOL_CALLER (Error Code : 0x000000C2)
0xC2 หมายถึง kernel-mode process หรือไดรเวอร์บางตัวเกิดการใช้งานหน่วยความจำที่ผิดพลาด อาจจะมีสาเหตุมาจากทางใดทางหนึ่งดังนี้
• การจัดสรร Memory Pool ที่ขนาด เป็น 0 (ศูนย์)
• การจัดสรร Memory Pool ที่มีอยู่จริง
• การสั่งการให้ Memory Pool นั้นเป็น Free memory pool ทั้งที่มันว่างอยู่แล้ว
• การจัดสรรหรือการสั่งการให้เป็น Free memory pool ที่ค่า IRQL สูงเกินไป
• ความผิดพลาดของไดรเวอร์หรือซอฟต์แวร์ที่ใช้งาน
สาเหตุและหนทางแก้ปัญหาที่อาจเป็นไปได้
0xC2 นั้นถ้าหากเกิดขึ้นหลังจากคุณติดตั้งโปรแกรมหรือไดรเวอร์ที่ไม่สมบูรณ์ สามารถแก้ไขได้โดยการถอดถอน ส่วนที่ติดตั้งลงไปออกเสีย
หรืออาจจะเกี่ยวข้องกับการผิดพลาดของฮาร์ดแวร์ก็ได้ ในกรณีที่มีการอ้างอุปกรณ์บางชิ้นในเออเรอร์ ก็ให้ลองเปลี่ยนอุปกรณ์ตัวนั้นหรือถอดถอนออกอาจจะแก้ไขปัญหาได้
หรืออาจจะเกิดจากการไม่คอมแพตทิเบิลกันของไดรเวอร์และซิสเต็มส์เซอร์วิสของเซอร์วิสแพ็คที่ได้ติดตั้งไว้ ให้ลองถอดถอน Third-party Device ก่อนการติดตั้งเซอร์วิสแพ็ค

Error : DRIVER_POWER_STATE_FAILURE (Error Code : 0x0000009F)
0x9F บ่งบอกว่าไดรเวอร์บางตัวทำงานไม่ปกติ มักเกิดในกรณีที่วินโดวส์ถูกสั่งให้กลับมาทำงาน หลังจากที่พักในโหมดสแตนบายด์ ซึ่งไดรเวอร์บางอย่างกลับมาใช้งานได้ในโหมดปกติ เป็นต้น
สาเหตุและหนทางแก้ปัญหาที่อาจเป็นไปได้ ถ้าหากเกิดขึ้นหลังจากคุณติดตั้งโปรแกรมหรือไดรเวอร์ที่ไม่สมบูรณ์ลงไป สามารถแก้ไขได้โดยการถอดถอนโปรแกรมหรือไดรเวอร์ตัวดังกล่าวออกเสียก็เรียบร้อย

Error : UNMOUNTABLE_BOOT_VOLUME (Error Code : 0x000000ED)
หมายความว่าเคอร์แนลพยายามเข้าไปเมาท์บูตโวลุ่ม แต่ไม่สามารถทำได้ มักจะเกิดขึ้นเมื่ออัพเกรดไปสู่วินโดวส์ เอ็กซ์พีโปรเฟสชันแนลบนเครื่องพีซีที่ไม่คอมแพตทิเบิล หรืออาจเกิดจากปัญหาเกี่ยวกับสายเคเบิลก็เป็นไปได้
สาเหตุและหนทางแก้ปัญหาที่อาจเป็นไปได้ ถ้าคุณใช้ฮาร์ดดิสก์แบบ ATA66 ขึ้นให้ลองเปลี่ยนจากสายสัญญาณแบบ 40 พิณไปเป็นแบบ 80 พินอาจช่วยแก้ปัญหาได้นอกจากนี้ควรไปปรับค่าในไบออสของเมนบอร์ดให้ถูกต้องตรงกับชนิดของ ATA ที่ใช้ได้ด้วย
อีกวิธีหนึ่งที่ใช้แก้ปัญหาได้จริง คือ ให้ถอดถอนฮาร์ดดิสก์ตัวที่มีปัญหา นำไปต่อกับเครื่องพีซีที่ใช้วินโดวส์ เอ็กซ์พีรุ่นเดียวกันแล้วสั่งให้ Scandisk ด้วยเครื่องมือในไดรฟ์พรอเพอร์ตี้ จากนั้นนำ กลับมาต่อที่เครื่องเดิมก็สามารถใช้งานได้ตามปกติ

Error : STATUS_IMAGE_CHECKSUM_MISMATCH (Error : 0xC0000221)
บ่งบอกว่า ปัญหาอาจเกิดจากไดรเวอร์ ซิสเต็มส์ไฟล์ หรือ ดิสก์เกิดความผิดพลาด เช่น เกิดความเสียหายของเพจจิงไฟล์ หรือเกิดความผิดพลาดของหน่วยความจำ เป็นต้น
สาเหตุและหนทางแก้ปัญหาที่อาจเป็นไปได้ เริ่มต้นให้ใช้วิธีแก้แบบเดิมๆ คือ หากเกิดปัญหาหลังจากติดตั้งไดรเวอร์ใหม่เข้าไป ให้ลองยกเลิกหรือกลับไปใช้ไดรเวอร์ตัวเก่า คุณสามารถใช้เมนู Last known good cofiguration (กด F8 ก่อนเข้าวินโดวส์) เพื่อสั่งให้กลับมาสู่สภาวะปกติที่เคยใช้งานได้ หรือลองมองหาเซอร์วิสแพ็คหรือฮ็อตฟิกซ์จากเว็บไซต์ของไมโครซอฟท์มาติดตั้งดู
ถ้าเออเรอร์ได้บ่งบอกชื่อของไฟล์มาด้วยให้ลองก๊อบปี้ไฟล์ที่พึ่งได้มาใหม่จากแผ่นติดตั้งวินโดวส์ เอ็กซ์พีทับแทนที่ไฟล์เดิมก็น่าจะแก้ปัญหานี้ได้

Error : KERNEL_DATA_INPAGE_ERROR (Error Code : 0x0000007A)
0x7A แสดงถึงข้อมูลของ kernel (page of kernel data) ไม่สามารถพบได้บนเวอร์ชวลเมโมรี ทำให้ไฟล์ไม่สามารถอ่านไปสู่หน่วยความจำได้หรืออาจจะเกิดจาการที่ดิสก์หรือไดรฟ์คอนโทรลเลอร์ หรือเฟิร์มแวร์ หรืออุปกรณ์อื่นๆ ใช้งานได้ไม่สมบูรณ์
โดยทั่วๆไปแล้ว เราจำแนกแยกแยะรายละเอียดของเออเรอร์นี้ได้จากตัวแปลที่สองของเออเรอร์โค้ดยกตัวอย่างเช่น
• 0xC000009A หรือ STATUS_INSUFFICIENT_RESOURCES หมายความว่า ค่าของ non paged pool ไม่เพียงพอกับความต้องการ
• 0xC000009C หรือ STATUS_DEVICE_DATA_ERROR หมายความว่า มีการเรียกใช้งาน Bad Block หรือ Bad Sectors บนฮาร์ดดิสก์
• 0x000009D หรือ STATUS_DEVICE_NOT_CONNECTED หมายความว่า อุปกรณ์บางตัวที่ต้องการเข้าถึงนั้น หายไปจากระบบ น่าจะเป็นได้ว่าไฟไม่เข้า หรือสายเคเบิลที่เอาไว่ต่อกับคอนโทรลเลอร์มีปัญหา (สายหลุดน่ะแหละ) ลองตรวจสอบตรงนี้ดูนะครับ
• 0xC000016A หรือ STATUS_DISK_OPERATION_FAILED หมายความว่า มีการเรียกใช้งาน Bad Block หรือ Bad Sectors บนฮาร์ดดิสก์
• 0xC0000185 or STATUS_IO_DEVICE_ERROR หมายถึง เกิดปัญหากับอุปกรณ์ I/O ควรตรวจสอบจุดต่างๆ เช่น หัวเชื่อมต่อสายเคเบิล หรือถ้าใช้การ์ดคอนโทรลเลอร์ลองทำความสะอาดแล้วเสียบใหม่ หรือเป็นไปได้
ว่ามีอุปกรณ์ 2 ชิ้นกำลังแย่งกันใช้ทรัพยากรเดียวกันภายในเครื่องอยู่ ให้ลองถอด ตัวใดตัวหนึ่งออกก่อน
สาเหตุและหนทางแก้ปัญหาที่อาจเป็นไปได้
0x7A ส่วนมากเกิดจากการไปใช้งานเวอร์ชันเมโมรีบนส่วนที่เป็นแบ็ดเซ็กเตอร์เข้าให้ หรืออาจจะเกิดจากความผิดพลาดของคอนโทรลเลอร์ หรือหน่วยความจำมีปัญหา ให้ลองแก้ไขโดยการรีบูตเครื่อง ถ้าคิดว่ามาจากปัญหาเรื่องเกี่ยวกับความเสียหายของฮาร์ดดิสก์ให้ลองใช้โปรแกรม "Autochk" เพื่อตรวจสอบ และระบุแบ็ดเซ็กเตอร์
อีกกรณีหนึ่ง น่าจะมาจากการทำงานผิดพลาดหรือเกิดความเสียหายของหน่วยความจำที่มีอยู่ในระบบ ไม่ว่าจะเป็นหน่วยความจำหลัก L2 Cache หรือหน่วยความจำของการ์ดแสดงผล ให้ลองเปลี่ยนหรือถอดอุปกรณ์ที่น่าจะมีปัญหาออก แล้วลองหาซอฟต์แวร์ diagnostics ตรวจสอบอีกที
ให้ลองตรวจสอบผ่านทางเว็บไซต์หรือทางตัวแทนจำหน่าย เพื่ออัพเดตเฟิร์มแวร์หรือไดรเวอร์ของอุปกรณ์ประเภทดิสก์คอนโทรลเลอร์ ซึ่งน่าจะเพิ่มความคอมแพตทิเบิลได้ อีกทางหนึ่งให้ลองตรวจสอบกับคู่มือการตั้งค่าของอุปกรณ์ว่าตั้งค่าเหมาะสมหรือไม่ เช่น การตั้งค่า Transfer rate ของแรมที่ต่ำไปหรือสูงไปอาจจะมีผลกระทบกับระบบโดยรวมได้
อีกสาเหตุหนึ่งก็คือ อาจจะเกิดจากสิ่งสกปรกที่ติดอยู่ตามเมนบอร์ดและลายวงจร ให้ลองทำความสะอาดดูนะครับ อาจจะช่วยได้บ้าง

Error : DRIVER_UNLOAD_WITHOUT_ CANCELLING_PENDING_OPERATIONS (Error Code : 0x000000CE)
0xCE บ่งบอกถึงการที่ความผิดพลาดที่ยกเลิกการใช้งานไดรเวอร์ตัวนั้น
สาเหตุและหนทางแก้ปัญหาที่อาจเป็นไปได้
ปัญหานี้ไม่ค่อยหนักหนานักเนื่องจากมาเป็นเอาตอนที่จะเลิกใช้งานอยู่แล้ว ซึ่งเออเรอร์นี้หมายความว่าไดรเวอร์และโปรแกรมนั้นๆ อาจจะมีปัญหาแนะนำให้ถอนการติดตั้งไดรเวอร์หรือโปรแกรมนั้นออก แล้วรีบูตเครื่องใหม่อีกครั้ง

Error : DRIVER_IRQL_NOT_LESS_OR_EQUAL (Error Code : Stop 0x000000D1)
0xD1 บ่งบอกว่าระบบพยายามที่จะเข้าใช้งาน pageable memory ที่กำลังใช้งานด้วย kernel process ที่มี IRQL สูงมากเกินไป ทำให้ไดรเวอร์นั้นๆ ไม่สามารถใช้งานได้แบบปกติได้
สาเหตุและหนทางแก้ปัญหาที่อาจเป็นไปได้
0xD1 นั้นส่วนมากมาจากไดรเวอร์ที่ไม่ค่อยสมบูรณ์นัก วิธีแก้ก็ทำได้โดยหากเพิ่งติดตั้งดีไวซ์ไดรเวอร์ใหม่ลงไป แล้วทำให้เกิดปัญหา ก็ให้ถอดออกไดรเวอร์ตัวดังกล่าวออก แล้วกลับไปใช้ตัวที่คอมแพตทิเบิลจะดีกว่า

Error : ATTEMPTED_WRITE_TO_READONLY_MEMORY (Error Code : 0x000000BE)
0xBE บ่งบอกว่าไดรเวอร์บางตัว กำลังพยายามจะเขียนข้อมูลลงสู่หน่วยความจำที่อ่านได้อย่างเดียว ( ROM:Read-only Memory)
สาเหตุและหนทางแก้ปัญหาที่อาจเป็นไปได้
ปัญหานี้ส่วนมากเกิดมาจากไดรเวอร์หรือโปรแกรมที่ไม่สมบูรณ์ แก้ไขได้ตามรายละเอียดที่แก้ไขกันบ่อยๆ คือ ให้ ถอนการติดตั้งออก แล้วกลับไปใช้ไดรเวอร์ตัวเก่า ในกรณีที่เป็นโปรแกรมหากต้องการใช้งานจริงๆ อาจต้องติดต่อกลับไปยังผู้พัฒนา

Sunday, September 4, 2011

สูตรโกงเกมคลิกระเบิด Chest Minesweeper

เกมคลิกระเบิด(Minesweeper) เป็นเกมที่สามารถพบได้ทั่วไปใน windows โดยการเล่นGame นี้ก็คือคลิกจุดที่ไม่มีระเบิดให้หมดโดยให้ตัวเลขคำใบ้ที่ให้มาเป็นตัวตัดสินใจในการคลิกซึ่งตัวเลขนั้นจะหมายถึงจำนวนระเบิดที่สามารถพบได้ในรัศมี 8 ทิศของช่องนั้นๆ ซึ่ง Game นี้ก็มีสูตรโกงแบบเนียนๆอยู่ซึ่งสามารถทำได้ตามนี้

1. เปิดเกมคลิกระเบิดขึ้นมา (Minesweeper)

2. พิมพ์สูตรลงไป ZYXXZ Shift+Enter Shift+Enter

3. สังเกตที่มุมบนสุดของจอภาพข้างซ้ายซึ่งจะมีจุดขวาๆเล็กขึ้นมาอยู่ 1 จุด โดยถ้าเป็นจุดสีขาวจะหมาย
ถึงไม่มีระเบิดอยู่ถายในแต่ถ้าเป็นสีดำจะมีระเบิดแฝงอยู่ภายใน


Expert Mode ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้



Hight 9 Width 9 Mines 64


* ถ้าใช้ background เป็นสีดำจะเห็นได้ชัดมาก
** ขออภัยที่ไม่สามารถ Save ภาพวิธีการโกงแบบ Step By Step มาให้ได้เพราะเกินความสามารถของโปรแกรมจับภาพจริงๆ



สูตรโกงเกม Pinball ที่คุณต้องตะลึง

Pinball ที่แถมมากับ window นั้นหลายๆคนคงจะเคยเล่นกันอย่างแน่นอน และถ้าอยากจะทำคะแนนให้ถึงหลักล้านนั้นถ้าคนเล่นทั่วๆไปคงจะส่ายหัวและบอกว่าเป็นไปไม่ได้เลยหรือถ้าเป็นไปได้ก็ต้องอาศัยโชคช่วยเพียงอย่างเดียวแต่สำหรับคนที่เล่น game pinball นี้เป็นนั้นจะรู้ได้เลยว่าถ้าต้องการทำคะแนนให้ถึงหลักล้านนั้นต้องอาศัยภาระกิจเพียงอย่างเดียว(ดูตรงที่เครื่องหมายลูกศรชี้ไป)ซึ่งในแต่ละภารกิจก็เห็นเรื่องที่ยากพอสมควรแต่ก็มีบางคนที่มีความพยายามเล่นมันจนได้คะแนนที่สูงๆซึ่งก็นับเป็นเรื่องที่หืดขึ้นคอพอสมควรแต่จะมีสักกี่คนที่จะรู้ว่า game ที่เรียบง่ายอันนี้จะมีสูตรอยู่

สูตรที่ว่าที่จะช่วยให้การเล่น pinball เป็นเรื่องที่ง่ายไปเลยก็คือคำว่า “Hidden test” ให้เราพิมพ์ไปตอนที่ game กำลังเริ่มเล่นและถ้าสูตรนี้เกิดติดขึ้นมาเราก็สามารถที่จะลากลูกball นั้นไปชนในส่วนไหนที่ต้องการจะชนก็ได้และอีกอย่างสูตรนี้ถ้าเราลองกดตัว H ในระหว่างที่เล่นขึ้นมาจะปรากฏหน้าจอบันทึกคะแนนขึ้นมาซึ่งตัวเราจะได้บันทึกในฐานะผู้ที่สามารถทำคะแนนได้ถึง 1,000,000,000 คะแนน(อยู่ที่ 2) ได้อย่างง่ายดาย
และข้อเท็จจริงอย่างหนึ่งก็คือเมือคะแนนของ Game Pinball นี้เต็มแล้วนั้นตัว Game ก็จะ Reset คะแนนใหม่เป็นเหมือนกับตอนเริ่มต้นแล้วก็เล่นต่อไปได้ (ลองมาแล้วเสียเวลาไปครึ่งชั่วโมง)

คะแนน pinball 117,600,500 คะแนนคนธรรมดาคงทำไม่ได้แน่นอนนอกจากที่จะใช้สูตร


การโกงคะแนน pinball โดยการกด H ระหว่างที่เล่น